วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน

ภูผาม่าน (Phu Pha Man)




 ที่ตั้งและแผนที่
ต.นาหนองทุ่ม อ. ชุมแพ จ. ขอนแก่น 40290

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายนเรศ ชมบุญ

อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ป่าดงลาน ท้องที่ตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ ตำบลห้วยม่วง ตำบลวังสวาบ ตำบลนาฝาย ตำบลภูผาม่าน อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และป่าภูเปือย ท้องที่ตำบลภูกระดึง ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เนื้อที่ประมาณ 350 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 218,750 ไร่ ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 16◦ 38' 48 " ถึง 16◦ 50' 56" เหนือ และอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 101◦ 42 '14" ถึง 102◦ 1' 20" ตะวันออก

ทิศเหนือ : จดตำบลวังกวาง อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ตำบลศรีฐาน ตำบลผานกเค้า ตำบลภูกระดึง อำเภอกระดึง จังหวัดเลย
ทิศใต้ : จดตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ ตำบลห้วยม่วง ตำบลนาฝาย ตำบลภูผาม่าน อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ
ทิศตะวันออก : จดตำบลภูหาน อำเภอสีชมพู และตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
ทิศตะวันตก : จดแนวเขตอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์

อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน เรียกตามชื่อของภูเขาเทือกหนึ่งทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติที่มีหน้าผาสูง ชันคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มองดูเหมือนกับผ้าม่านผืนใหญ่ อยู่ในท้องที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย มีเนื้อที่ประมาณ 350 ตารางกิโลเมตร หรือ 218,750 ไร่

อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน แต่เดิมเคยเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่านานาชนิด ปัจจุบันผลจากการทำสัมปทานป่าไม้ทำให้พื้นป่าและจำนวนสัตว์ป่าลดลงอย่างรวด เร็ว กรมป่าไม้จึงได้มีคำสั่งที่ 1473/2532 ลงวันที่ 27 กันยายน 2532 มอบหมายให้ นายพนม พงษ์สุวรรณ นักวิชาการป่าไม้ 4 ให้สำรวจเพิ่มเติมและจัดตั้งพื้นที่ป่าดงลาน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และป่าภูเปือย อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย และพื้นที่ป่าใกล้เคียงเป็นอุทยานแห่งชาติ จากการสำรวจพื้นที่พบว่า เป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำลำธารและมีจุดเด่นทางธรรมชาติหลายแห่ง โดยเฉพาะถ้ำและน้ำตก

ทางราชการจึงมีประกาศกฤษฎีกา กำหนดให้รวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูเปือย อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เข้ากับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงลาน ท้องที่อำเภอชุมแพ กิ่งอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ในปี พ.ศ.2534 โดยได้พระราชกฤษฏีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดงลานในท้องที่ตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ และตำบลห้วยม่วง ตำบลวังสวาบ ตำบลนาฝาย ตำบลภูผาม่าน กิ่งอำเภอภูผาม่าน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และป่าภูเปือยในท้องที่ตำบลภูกระดึง ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เนื้อที่โดยประมาณ 218,750 ไร่ หรือ 350 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 108 ตอนที่ 215 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2534 จัดเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 72 ของประเทศ

โทร. 043 - 210163 (ที่ทำการอุทยานฯ)

ขนาดพื้นที่
218750.00 ไร่

หน่วยงานในพื้นที่
หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ภม.1 (ถ้ำผาพวง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ภม.2 (นายางใต้)
หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ภม.3 (ซำภูทอง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ภม.4 (เขาวง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ภม.5 (ซำผักหนาม)

ภาพแผนที่


ลักษณะภูมิประเทศ
อุทยาน แห่งชาติภูผาม่านมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ เป็นเทือกเขาหินปูนที่มีความสูงชันสลับซับซ้อนกันเป็นแนวยาวสลับกับที่ราบ ลุ่มเชิงเขาสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 200 - 1,000 เมตร เป็นแนวเทือกเขาทอดยาวจากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเปรียบเสมือนปราการธรรมชาติ กั้นแดนระหว่างอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย และอำเภอผาม่าน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น โดยมี "ภูฮี" เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในพื้นที่โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,000 เมตร ด้านทิศเหนือมีลำห้วยที่สำคัญหลายสายไหลลงสู่ลำน้ำพองทางทิศเหนือ และไหลลงสู่ลำน้ำเชิญทางด้านทิศใต้

บริเวณท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ท้องที่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย มีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงชัน และติดต่อกันเป็นเทือกเขายาวบางแห่งเป็นที่ราบกว้างและมีน้ำซึมตลอดปี

บริเวณท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงลาน ท้องที่อำเภอชุมแพ และอำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น พื้นที่ส่วนมากเป็นภูเขาหินปูน และภูเขาขนาดเล็กติดต่อกันหลายเทือก
และมีบริเวณบางแห่งเป็นที่ราบ

ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ ของอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล ได้แก่
1)ฤดูฝน จะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม โดยได้รับอิทธิพลมาจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพัดมาจากมหาสมุทรอินเดีย และพายุดีเปรสชั่นจากทะเลจีนใต้ นำพาเอาความชุ่มฉ่ำของฝนมาสู่พื้นที่

2)ฤดูหนาว จะเริ่มจากเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดมาจากประเทศจีน นำพาเอาความหนาวเย็น และ แห้งแล้ง มาสู่พื้นที่

3)ฤดูร้อน จะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคมโดยได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งลมนี้จะพัดเอาลมเข้ามาสู่พื้นที่ในฤดูร้อน

- ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปี 100.722 มิลลิเมตร
- อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปี 27.5 องศาเซลเซียส
- ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยต่อปี 71.8 เปอร์เซ็นต์
- ความยาวของแสงเฉลี่ยต่อปี 7.6 ชั่วโมงต่อวัน
- แรงลมเฉลี่ยต่อปี 4.0 น็อต

พืชพันธุ์และสัตว์ป่า
พืช พรรณประกอบด้วย ชนิดพันธุ์พืชพรรณตามประเภทของ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และสวนป่า มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก มะค่าโมง เต็ง รัง เหียง พลวง ยาง สัก ไผ่ชนิดต่าง ๆ และพรรณไม้พื้นล่างที่สำคัญได้แก่ ต้นลาน หวาย พืชสมุนไพร และกล้วยไม้ต่างๆ ส่วนสัตว์ป่าที่พบได้แก่ เลียงผา เก้ง หมูป่า ลิง กระต่ายป่า นิ่ม ตะกวด และอื่นๆ ประมาณ 60 ชนิด นกชนิดต่าง ๆประมาณ 50 ชนิด แมลงและผีเสื้อชนิดต่างๆ กว่า 200 ชนิด

การเดินทาง
อุทยาน แห่งชาติภูผาม่าน ตั้งอยู่ระหว่างทางหลวงหมายเลข 12 และหมายเลข 201 หรือระว่างเส้นรุ้งที่ 16◦ 38' 48" ถึง 16◦ 50 ' 56" เหนือ และระหว่างเส้นแวงที่ 101◦ 42' 14 ถึง 102◦ 1' 20" ตะวันออก ที่ทำการอุทยานฯ ใช้เส้นทางหมายเลข 201 บริเวณหลัก กม. ที่ 112-113 ห่างจากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นประมาณ 117 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทางคือ

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ โดยรถยนต์หรือ รถยนต์โดยสารประจำทางและรถยนต์โดยสารประจำทางปรับอากาศสาย กรุงเทพฯ-เลย ตามทางหลวงหมายเลข 201 บริเวณหลัก กม.ที่ 112-113 เลี้ยวซ้ายเข้าตามทางลาดยางประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงทำการอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน

เส้นทางที่ 2 จากจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยรถยนต์หรือ รถยนต์โดยสารประจำทาง และรถโดยสารประจำทางปรับอากาศสายเพชรบูรณ์- ขอนแก่น ตามทางหลวงหมายเลข 12 และเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 201 ถึงหลัก กม. ที่ 112-113 เลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน

แผนที่เส้นทาง



เส้นทางไปอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน

ภาพทิวทัศน์


ถ้ำ ค้างคาว เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ปากถ้ำสูงจากพื้นดินประมาณ 100 เมตร ภายในถ้ำมีค้างคาวปากย่น(Taraqrida plicata) อยู่อาศัยหลายล้านตัว เป็นค้างคาวกินแมลงเป็นอาหาร ช่วงเย็นของทุกวัน เวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น ตามฤดูกาล ค้างคาวจะบินออกไปหากินเป็นรูปริ้วขบวนต่างๆ พลิ้วไหวไปมาน่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งอยู่ ต. ภูผาม่าน อ. ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น
   


   
น้ำตก ตาดใหญ่ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ เกิดจากห้วยตาดฟ้า มีน้ำตกชั้นเล็กชั้นน้อยหลายชั้นก่อนตกลงหน้าผาที่มีความสูงประมาณ 80 เมตร เป็นน้ำตกที่มีความสูงที่สุดในอุทยานฯ ตั้งอยู่ ต. วังสวาบ อ.ภูผาม่าน จ. ขอนแก่น

แผนที่ผังบริเวณ



ผังบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน

สิ่งอำนวยความสะดวก ที่พัก และสถานที่กางเต็นท์
ที่พัก - บ้านพักนักท่องเที่ยวภูผา 3
ที่พัก - บ้านผาม่าน304(เหล็กไหล)
ที่พัก - บ้านผาม่าน303(พลาญทอง)
ที่พัก - บ้านผาม่าน302
ที่พัก - บ้านผาม่าน301
ที่พัก - บ้านผาม่าน205
ที่พัก - บ้านผาม่าน204
ที่พัก - บ้านผาม่าน203
ที่พัก - บ้านผาม่าน202
ที่พัก - บ้านผาม่าน201
ที่พัก - บ้าน ภูผา 3
ที่พัก - บ้านพักนักท่องเที่ยวภูผา 3
ที่พัก - บ้านพักนักท่องเที่ยวภูผา 3
ที่พัก - เกล็ดแก้ว
ที่พัก - บ้านผาม่าน305(ตาดฟ้า)

สถานที่ท่องเที่ยว

ถ้ำพญานาคราช


ถ้ำลายแทง



ถ้ำภูตาหลอ



ถ้ำเกล็ดแก้ว



ผานกเค้า



ถ้ำค้างคาว



น้ำตกตาดฟ้า



น้ำตกตาดใหญ่



น้ำตกตาดฮ้อง



ผาม่าน



อุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดโตน

ตาดโตน (Tat Ton)




 
 ที่ตั้งและแผนที่
ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
36000 โทร.044-853333

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายนพวงค์ พฤกษชาติ

ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 97 ตอนที่ 208 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2523 เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 23 ของประเทศไทย เนื้อที่ 135,737.50 ไร่ หรือ ประมาณ 217.18 ตารางกิโลเมตร โดยกำหนดที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ท้องที่ ตำบลนาฝาย ตำบล นาเสียว ตำบลห้วยต้อน และตำบลท่าหินโงม อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาดโตน
ทิศเหนือ จรด ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมืองชัยภูมิ และ ตำบลเก่าย่าดี อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
ทิศตะวันออก จรด ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเตรียมการสงวนหมายเลข 10 แปลง 1 ( ป่าภูโค้ง ) อำเภอแก้งคร้อ และ ตำบลนาเสียว อำเภอเมืองชัยภูมิ
จังหวัดชัยภูมิ
ทิศใต้ จรด ตำบลนาฝาย อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
ทิศตะวันตก จรด ทางหลวงจังหวัด หมายเลข 2159 สายชัยภูมิ - หนองบัวแดง
ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ

ขนาดพื้นที่
135737.50 ไร่

หน่วยงานในพื้นที่
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ตน.๒
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ตน.๓
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ตน.๔
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ตน.๕
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ตน.๖

ภาพแผนที่






ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะ โดยทั่วไปของอุทยานแห่งชาติตาดโตนประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน พื้นที่ของอุทยานทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีเขาภูเขียว ภูกลาง และภูแลนคา ซึ่งจะมีระดับสูงสุด 905 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนพื้นที่อุทยานทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะมียอดภูโค้ง ซึ่งเป็นยอดที่มีความสูงสุดของอุทยานแห่งชาติตาดโตน โดยมีความสูงประมาณ 945 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่ตอนล่างทางทิศใต้ของอุทยานจะเป็นพื้นที่ลาดมีทิศทางด้านลาด (aspect) ทางทิศใต้ พื้นที่ด้านนี้จะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร สำหรับความลาดชัน (Slope) ของพื้นที่ จะมีพื้นที่ค่อนข้างราบ ทางตอนกลางของพื้นที่ตามหุบเขาที่ลำปะทาวไหลผ่าน จะมีพื้นที่ค่อนข้างราบบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอุทยาน พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานจะมีความลาดชันประมาณ 10 – 15 %

ลักษณะภูมิอากาศ

อุทยาน แห่งชาติตาดโตน ตั้งอยู่ในบริเวณที่ได้รับอิทธิพลของทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ มีการแบ่งฤดูกาลออกเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูร้อนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม ฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน – กันยายน และฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงมกราคม จากข้อมูลภูมิอากาศของสถานีตรวจอากาศ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งวัดและรวบรวมโดยกองภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงระหว่างปี 2504 – 2533 พอสรุปได้ ดังนี้
อุณหภูมิ อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 27.60 องศาเซลเซียส เดือนที่มีอุณหภูมิสูงสุดคือเดือน เมษายน มีอุณหภูมิถึง 42.60 องศาเซลเซียสและเดือนที่มีอุณหภูมิต่ำสุดคือเดือน มกราคม อุณหภูมิต่ำสุด 7 องศาเซลเซียส
ความชื้นสัมพันธ์ ความชื้นสัมพันธ์เฉลี่ยตลอดปี 47 % สำหรับความชื้นสัมพันธ์สูงสุดเฉลี่ยจะเกิดในเดือนกันยายน ซึ่งสูงถึง 93 % ส่วนความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ยจะเกิดในเดือนมีนาคมซึ่งมีเพียง 35 %
ปริมาณน้ำฝน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี 1153.50 มิลลิเมตร เดือนที่มีปริมาณฝนตกมากที่สุดคือเดือนกันยายน ซึ่งวัดได้ถึง 270.50 มิลลิเมตร ส่วนเดือนที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุด คือ เดือนมกราคม วัดได้โดยเฉลี่ย 3.30 มิลลิเมตร

พืชพันธุ์และสัตว์ป่า
พันธุ์พืช
อุทยานแห่งชาติตาดโตน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูงระหว่าง 200 - 945 เมตร จากระดับ น้ำทะเลปานกลาง ดังนั้น สภาพสังคมพืชจึงแตกต่างไปตามระดับความสูง พอจำแนกได้เป็น 2 ชนิด คือ
ป่าเต็งรัง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาดโตน พบป่าชนิดนี้ขึ้นกระจัดกระจาย มีเนื้อที่ประมาณ 94.93 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ร้อยละ 43.71 ของพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ ความสูงของเรือนยอด ชั้นบนประมาณ 15 - 20 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญในชั้นนี้ ได้แก่ ยางพลวง รัง แดง ตะแบกเลือด มะกอกเกลื้อน ก่อแพะ และมะค่าแต้ ส่วนเรือนยอดในชั้นรอง มีไม้ขนาดเล็กมีความสูงประมาณ 5 - 10 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญในชั้นนี้ได้แก่ ชิงชัน ตาลเหลือง ยอเถื่อน กระท่อมหมู มะม่วงป่า ติ้วแดง และขว้าว ไม้พื้นล่างประกอบด้วย ลูกไม้ของไม้ชั้นบนเป็นส่วนใหญ่ และหญ้าเพ็กขึ้นอยู่ทั่วไป พันธุ์ไม้ชนิดอื่น เช่น กระดูกอึ่ง ลูกใต้ใบ เฟิร์น หมักหม้อ นางนวล กาวเครือ และหนอนตายหยาก เป็นต้น
ป่าดิบแล้ง ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาดโตนพบป่าชนิดนี้ขึ้นกระจัดกระจายตามลำห้วย มีพื้นที่ประมาณ 35.01 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณร้อยละ 16.12 ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ มีลักษณะทางด้านตัวเรือนยอด แบ่งเป็น ชั้นเรือนยอดชั้นบนสูง 25 - 30 เมตร ไม้สำคัญ ได้แก่ พะองค์ กระบก จิกดง หาด ตีนเป็ดเขา ค้างคาว และติ้วแดง เรือนยอดไม้ชั้นรองมีความสูงประมาณ 20 - 25 เมตร พันธุ์ไม้สำคัญในชั้นนี้ ได้แก่ พะยอม มะกล่ำต้น หว้า กระเบากลัก กีบตอง มะส้าน และก่อเดือย เรือนยอดไม้ชั้นสามมีความสูงประมาณ 15 - 20 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางแดง มะแฟน เสม็ดเขา พลองกินลูก ลำดวน และกะอวม ส่วนเรือนยอดในชั้นของไม้ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10 - 15 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น แดง มะหาด มะพอก เปล้าน้อย เปล้าใหญ่ พุดป่า และ พีพวน เป็นต้น

สัตว์
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ หมูป่า เก้ง อีเห็นหางลาย พังพอนธรรมดา อ้นเล็ก กระต่ายป่า กระรอกบินเล็กแก้มแดง กระจ้อน เป็นต้น
สัตว์ปีก ได้แก่ นกจับแมลงหัวเทา นกจับแมลงคอแดง นกจับแมลงอกสีฟ้า นกปรอดเหลืองหัวจุก นกแซงแซวหางปลา นกนางแอ่นบ้าน นกโพระดกธรรมดา นกกระปูดใหญ่ นกตะขาบทุ่ง นกหัวขวานสี่นิ้วหลังทอง นกเปล้าธรรมดา เหยี่ยวขาว ไก่ป่า นกกระทาทุ่ง นกกางเขนบ้าน นกเค้าโมงหรือนกเค้าแมว เป็นต้น
สัตว์เลื้อยคลาน ได้แก่ ตะกวด งูเห่า งูทับสมิงคลา งูเหลือม งูกะปะ กิ้งก่าบินปีกสีส้ม จิ้งเหลน จิ้งเหลนภูเขาลายจุด จิ้งจกบ้านหางหนาม เป็นต้น
แมลง ได้แก่ ผีเสื้อหางตุ้มอดัมสัน ผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู ผีเสื้อหนอนมะนาว ผีเสื้อสะพายฟ้า ผีเสื้อม้าลาย ผีเสื้อธรรมดา ผีเสื้อจรกา ผีเสื้อหนอนยี่โถ แมลงทับ ด้วงต่าง ๆ เป็นต้น

การเดินทาง

1.รถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองชัยภูมิ ตามทางหลวงหมายเลข 2051 ถึงที่ทำการอทยานฯ 20 กิโลเมตร
2.รถโดยสารประจำทาง สายชัยภูมิ-ท่าหินโงม ผ่าน ด่านเก็บเงินค่าบริการ เดินเท้าอีก 1.5 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยาน์

แผนที่เส้นทาง




เส้นทางไปอุทยานแห่งชาติตาดโตน ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2051 ซึ่งเป็นถนนลาดยาง เชื่อมระหว่างอำเมืองชัยภูมิ-ตำบลท่าหินโงม หากเดินทางจากอำเอภแก้คร้อ ตามทางหลวงหมายเลข 201 เลยบ้านไทรงาม จะมีทางแยกไปทางขวามือเป็นทางลาดยาง


แผนที่ผังบริเวณ

โซนบริการ



   




ผังบริเวณอุทยานแห่งชาติตาดโตน





สิ่งอำนวยความสะดวก ที่พัก และสถานที่กางเต็นท์
- บ้านเชิงเขา ชย.129
- ตาดโตน 104 (บ้านตาดฟ้า) ชย. 130
ที่พัก - ตาดโตน 102 (บ้านริมธาร 2) ชย.316
ที่พัก - ตาดโตน 202 (บ้านตาดมะค่า) ชย.77
ที่พัก - ตาดโตน 201 (บ้านจันผา) ชย.126
ที่พัก - ตาดโตน 107 (บ้านริมไพร) ชย.132
ที่พัก - ตาดโตน 106 (บ้านปรารถนา) ชย.315
ที่พัก - ตาดโตน 105 (บ้านผาเอียง) ชย.131
ที่พัก - ตาดโตน 103 (บ้านริมธาร 1) ชย.966
ที่พัก - ตาดโตน 101 (บ้านริมธาร 3) ชย.317
ที่พัก - บ้านพักรับรอง 1 ชย.1611

สถานที่ท่องเที่ยว
น้ำตกผาเอียง 

ภาพทิวทัศน์น้ำตกตาดโตน





อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ภูกระดึง (Phu Kradueng)


 

ที่ตั้งและแผนที่
สถานที่ติดต่อ : หมู่ที่ 1 บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน อ. ภูกระดึง จ. เลย 42180
โทรศัพท์ : 042-871333, 042-871458
โทรสาร : 042-871333, 042-871458
E-mail : pkd_11@hotmail.co.th

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายสนอง แก้วอำไพ

ขนาดพื้นที่
217576.25 ไร่

หน่วยงานในพื้นที่
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.1 (วังกวาง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.2 (อีเลิศ)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.3 (นาน้อย)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.4 (พองหนีบ)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.5 (หนองผักบุ้ง)
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.6 (ภูขี้ไก่)

ภาพแผนที่



ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพ ทั่วไปของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นภูเขาหินทรายยอดตัดอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบสูงโคราช ใกล้กับด้านลาดทิศตะวันออกของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ลักษณะโครงสร้างทางธรณีของภูกระดึงเกิดขึ้นในมหายุค Mesozoic เป็นหินในชุดโคราช ประกอบด้วยชั้นหินหมวดหินภูพานหมวดหินเสาขัว หมวดหินพระวิหาร และหมวดหินภูกระดึง พื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 400-1,200 เมตร มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่คล้ายรูปใบบอน ประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ ยอดสูงสุดคือ บริเวณคอกเมย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,316 เมตร สภาพพื้นที่ราบบนยอดภูกระดึงมีส่วนสูงอยู่ทางด้านตะวันตกและตะวันออกเฉียง ใต้ พื้นที่ค่อยๆ ลาดเทลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ลำธารสายต่างๆ ที่เกิดจากแหล่งน้ำบนภูเขาไหลไปรวมกันทางด้านนี้ เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ในจังหวัดขอนแก่น

ลักษณะภูมิอากาศ

ภูมิ อากาศของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงบริเวณที่ระดับต่ำตามเชิงเขา มีสภาพโดยทั่วไปใกล้เคียงกับบริเวณอื่นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ฝนตกชุกที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยรายปี 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนมกราคม และอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน สภาพอากาศทั่วไปบนยอดภูกระดึง แตกต่างจากสภาพอากาศในที่ราบต่ำเป็นอย่างมาก โดยปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำฝนบนที่ต่ำ เนื่องจากอิทธิพลของเมฆ/หมอกที่ปกคลุมยอดภูกระดึงเป็นเนืองนิจ ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 0-10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 21-24 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 23-30 องศาเซลเซียส อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน มีเมฆหมอก ลอยต่ำปกคลุมบ่อยครั้ง อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดปี

ในช่วงฤดูฝน มักเกิดภัยธรรมชาติ เช่น เกิดการพังทะลายของภูเขาและมีน้ำป่า ทางอุทยานแห่งชาติจึงกำหนดให้ปิด-เปิดการท่องเที่ยวเฉพาะบนยอดเขาภูกระดึง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และให้สภาพธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้มีการพักฟื้นตัว หลังจากนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างมากในแต่ละปี ดังนี้

ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี

พืชพันธุ์และสัตว์ป่า
สังคมพืชของภูกระดึงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่ง มีทั้งป่าผลัดใบ และป่าดงดิบ ที่ระดับความสูงต่างๆ จำแนกออกได้เป็น

ป่าเต็งรัง พบบนที่ราบเชิงเขาและบนที่ลาดชันจนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง กราด รกฟ้า อ้อยช้าง กว้าว มะกอกเลื่อม มะค่าแต้ ช้างน้าว ติ้วขน ยอป่า ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย หญ้าเพ็ก ขึ้นเป็นกอหนาแน่น แทรกด้วยไม้พุ่มและพืชล้มลุก

ป่าเบญจพรรณ พบตั้งแต่บนพื้นที่ราบเชิงเขาและที่ลาดชันตามไหล่เขารอบภูกระดึง จนถึงระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 950 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ แดง ประดู่ป่า กระบก ตะแบกเลือด ยมหิน มะกอก งิ้วป่า แสมสาร มะค่าโมง ตะคร้ำ สมอไทย สำโรง โมกมัน ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยหญ้าและกอไผ่ของไผ่รวก ไผ่ไร่ ไผ่หลวง ไผ่ซางหม่น ไม้พุ่ม เช่น หนามคณฑา กะตังใบ สังกรณี ไผ่หวานบ้าน ฯลฯ ไม้เถา เช่น แก้วมือไว สายหยุด นมวัว ตีนตั่ง หนอนตายหยาก กลอย ฯลฯ พืชล้มลุก เช่น บุกใหญ่ ผักปราบ แห้วกระต่าย ฯลฯ พืชกาฝากและอิงอาศัย เช่น ข้าวก่ำนกยูง ดอกดิน ชายผ้าสีดา เป็นต้น

ป่าดิบแล้ง พบตามฝั่งลำธารของหุบเขาที่ชุ่มชื้นทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตก ตั้งแต่เชิงเขาจนถึงระดับความสูงประมาณ 950 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ก่อ ตะเคียนทอง ยางแดง ยมหอม ตะแบกเปลือกบาง หว้า มะม่วงป่า สัตตบรรณ มะหาด คอแลน เชียด ฯลฯ พืชพื้นล่างแน่น เป็นพวกไม้พุ่ม ไม้เถา เช่น สร้อยอินทนิล กระทงลาย เถามวกขาว เล็บมือนาง กระไดลิง ฯลฯ พืชล้มลุก เช่น ข่าคม ก้ามกุ้ง ฯลฯ หวายและเฟินหลายชนิด

ป่าดิบเขา พบตั้งแต่ระดับ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ก่วมแดง ทะโล้ สนสามพันปี พะอง จำปีป่า พญาไม้ ก่อเดือย ก่อหนาม ก่อหมู ส้านเขา รัก เหมือดคนดง เฉียงพร้านางแอ พะวา เดื่อหูกวาง ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยไม้พุ่ม เช่น กุหลาบแดง มือพระนารายณ์ ฮอมคำ จ๊าฮ่อม ฯลฯ ตามหน้าผาริมขอบภูพบปาล์มต้นสูงขึ้นห่างๆ ได้แก่ ค้อดอย ไม้เถา เช่น กระจับเขา เครือเขาน้ำ แก้มขาว หนามไข่ปู ใบก้นปิด ย่านหูเสือ เป็นต้น

ป่าสนเขา พบเฉพาะบนที่ราบยอดภูกระดึงที่ระดับความสูงประมาณ 1,200-1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สนสองใบ ก่อเตี้ย ทะโล้ สารภีดอย มะเขื่อเถื่อน รัก ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย สนทราย ส้มแปะ กุหลาบขาว เม้าแดง พวงตุ้มหู นางคำ ฯลฯ ตามลานหินมีพืชชั้นต่ำพวกไลเคน ประเภทแนบกับหินเป็นแผ่น และประเภทเป็นฟองเรียก ฟองหิน ปกคลุมทั่วไป นอกจากนี้จะพบเอื้องคำหิน ม้าวิ่ง และเขากวาง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ออกเป็นกอหนาแน่น พืชล้มลุก เช่น ดาวเรืองภู ว่านคางคก ต่างหูขาว เนียมดอกธูป แววมยุรา หญ้าข้าวก่ำขาว โสภา เทียนภู เปราะภู ดอกหรีด ขนนกยูง หญ้าเหลี่ยม น้ำเต้าพระฤาษี กูดเกี๊ยะ เป็นต้น บนพื้นดินที่ชุ่มแฉะ มอสจำพวกข้าวตอกฤาษีหลายชนิดขึ้นทับถมแน่น คล้ายผืนพรม บางแห่งมีพืชล้มลุกขนาดเล็กหลายชนิดขึ้นปะปนกันแน่น เช่น กระดุมเงิน สาหร่ายข้าวเหนียว ดุสิตา และหญ้าข้าวก่ำ

ภูกระดึง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าภูกระดึงมีหลายชนิดที่พบเห็นทั่วไป ได้แก่ ช้างป่า เก้ง กวางป่า หมูป่า ลิงกัง ลิงลม บ่าง กระรอกหลากสี กระแต หนูหริ่งนาหางยาว ตุ่น เม่นหางพวง พังพอน อีเห็น เหยี่ยวรุ้ง นกเขาเปล้า นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกเค้ากู่ นกตะขาบทุ่ง นกโพระดกคอสีฟ้า นกตีทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกนางแอ่นสะโพกแดง นกเด้าดินสวน นกอุ้มบาตร์ นกขี้เถ้าใหญ่ นกกระทาทุ่ง นกพญาไฟใหญ่ นกกางเขนดง นกจาบดินอกลาย นกขมิ้นดง ตุ๊กแก จิ้งจกหางแบนเล็ก กิ้งก่าสวน จิ้งเหลนบ้าน เต่าเหลือง งูทางมะพร้าว งูลายสอบ้าน งูจงอาง งูเก่า งูเขียวหางไหม้ อึ่งอี๊ดหลังลาย เขียดหนอง คางคก กบหูใหญ่ ปาดแคระ และมีเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยาก คือ เต่าปูลู หรือ “เต่าหาง” เป็นเต่าที่หางยาว อาศัยอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย กัมพูชา และ ลาว

การเดินทาง
รถยนต์
เดินทางโดยรถยนต์ สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง
1) เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

2) ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่าน และตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

3) เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2


เครื่องบิน
เดินทางโดยเครื่องบิน โดยใช้เที่ยวบิน กรุงเทพฯ-ขอนแก่น กรุงเทพฯ-เลย กรุงเทพฯ-อุดรธานี ของสายการบินต่างๆ ได้ทุกวัน สอบถามข้อมูลเที่ยวบินและสายการบิน โทร. 0-2628-2000, 0-2515-9999, 0-2267-2999 และ 1318


รถไฟ
เดินทางโดยรถไฟ ขึ้นรถไฟที่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพงถึงสถานีรถไฟขอนแก่น ต่อรถโดยสารสายขอนแก่น-เลย ถึงอำเภอภูกระดึงแล้วต่อรถสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สอบถามข้อมูลรถไฟ โทร. 0-2225-1300 ต่อ 5201 ,0-2223-0341-3 หรือติดต่อสอบถามโดยตรงที่อุทยานแห่งชาติกระดึง โทร. 0-4287-1333, 0-4287-1458


รถโดยสารประจำทาง

เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต 2) สายกรุงเทพ-เมืองเลย ลงรถที่ผานกเค้า หรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถสองแถวเข้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง สอบถามข้อมูลรถโดยสาร โทร.0-2936-2852-66 อัตราค่าโดยสาร
รถปรับอากาศ VIP 24 ที่นั่ง ราคา 590 บาท
รถปรับอากาศ VIP 32 ที่นั่ง ราคา 449 บาท
รถปรับอากาศ ชั้น 1 ราคา 258 บาท
รถปรับอากาศ ชั้น 2 ราคา 280 บาท
ลงรถที่ผานกเค้า *หมายเหตุ -ต่อรถสองแถวจากผานกเค้า ถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ราคา 20 บาท/คน

วีดีโอ